33 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคัมภีร์เซ็กซ์ "กามา สุตรา"

33 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคัมภีร์เซ็กซ์ "กามา สุตรา"
เรื่อง : อภิศักดิ์ เจือจาน
ตั้งจิตให้แน่วแน่...ความจริงทั้ง 33 ข้อแห่งกามสูตรกำลังจะเผยตัว!
เกร็ดกามสูตร
1. กามสูตร (The Kama Sutra) คือคัมภีร์อินเดียโบราณว่าด้วยพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์ เชื่อกันว่า วาตสยายน เป็นผู้เขียน เขาน่าจะมีชีวิตอยู่ราวๆ คริสต์ศตวรรษที่ 1-4 แถบเมืองพาราณสี
2. กามสูตรไม่ได้มีแค่เรื่องเซ็กซ์ แต่ยังพูดถึงศีลธรรมของอินเดียโบราณด้วย
3. กามสูตรประกอบด้วยโศลก 1,250 บท แบ่งเป็น 7 ภาค 14 ตอน 36 บท ว่าด้วยการจำแนกประเภทสตรี, การจูบ การเล้าโลม, ท่าร่วมเพศ, การแต่งงาน, การมีชู้และศีลธรรม, นางคณิกา และการสร้างเสน่ห์ให้ตัวเอง
4. นั่นหมายความว่า คัมภีร์กามสูตรมีเพียง 20% เท่านั้นที่ว่าด้วยเรื่องเซ็กซ์แบบเพียวๆ
5. คัมภีร์พูดถึงท่าร่วมเพศไว้ทั้งหมด 64 ท่า แบ่งเป็น 8 วิธี แต่ละวิธีมี 8 ท่า ซึ่งในคัมภีร์เรียกมันว่า “ศิลปะทั้ง 64”
6. วาตสยายนเชื่อว่า เซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การกระทำที่ผิดศีลธรรมตะหากที่เป็นบาป
7. ท่วงท่าทั้งหลายในคัมภีร์ ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคกระดูกและข้อ
8. การกัดหรือข่วน ก็เป็นเคล็บลับการเพิ่มรสชาติแห่งเซ็กซ์อย่างหนึ่งที่คัมภีร์แนะนำไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฟัน มือ และเล็บต้องสะอาดด้วย
9. สูตรยาบำรุงเซ็กซ์ที่ระบุในกามสูตรก็คือ เอาไข่นกกระจอกมาต้มในนมจนเดือด แล้วผสมในเนยเหลวและน้ำผึ้ง มันจะช่วยสร้างพลังม้าศึกให้ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย
10. เมษายน 1998 มีคนเห็นอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน ของอเมริกา ถือคัมภีร์กามสูตรเดินเข้าไปคุยกับนายกรัฐมนตรี ฌอน เครเทียน แห่งแคนาดา หลังเสร็จจากการประชุมที่กรุงซานติอาโก ประเทศชิลี...แต่ไม่มีใครรู้ว่ารายละเอียดการคุยเป็นยังไง
11. เจ้าของม้าแข่งคนหนึ่งตั้งชื่อม้าแข่งหนุ่มอายุ 2 ขวบของตัวเองว่า Kama Sutra แน่นอนที่สุด มันวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ในสนามแรกที่ลงแข่ง
12. วิธีจูบมี 10 วิธี ทั้งการจูบแบบแผ่วเบา จูบแบบจริงใจ จูบแบบเน้นการสัมผัส จูบด้านตรง จูบแบบบิดปาก จูบแบบบดขยี้ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถดัดแปลงการจูบได้มากกว่า 40 ท่า
คู่แท้
13. กามสูตรแบ่งชายหญิงออกเป็นฝ่ายละ 3 กลุ่มตามขนาดของจุ๊ดจู๋และจุ๋มจิ๋ม หนุ่มกระต่าย (จู๋เม็ดพริก) หนุ่มกระทิง (จู๋ทั่วไป) พ่อยอดอาชา (จู๋ยักษ์) สาวกวาง (จิ๋มวัยเยาว์) แม่โค (จิ๋มสากล) และสาวช้าง (อุแม่เจ้า!)
14. คู่ควร คือการจับคู่ระหว่าง หนุ่มกระต่าย (จู๋เม็ดพริก) กับ สาวกวาง (จิ๋มวัยเยาว์), หนุ่มกระทิง (จู๋ปกติ) กับ แม่โค (จิ๋มสากล) และ พ่อยอดอาชา (จู๋ยักษ์) กับ สาวช้าง (อุแม่เจ้า!) เพราะไซส์มันไปกันได้แบบพอดีๆ
15. ส่วนคู่ไม่ควร คือการจับคู่ระหว่าง หนุ่มกระต่าย (จู๋เม็ดพริก) กับ สาวช้าง (อุแม่เจ้า!) หรือ แม่โค (จิ๋มสากล), หนุ่มกระทิง (จู๋ปกติ) กับ สาวกวาง (จิ๋มวัยเยาว์) หรือ สาวช้าง (อุแม่เจ้า!) ฯลฯ
หญิงต้องห้าม
16. คัมภีร์กามสูตรแยกสาวออกเป็น 3 กลุ่ม คือสาวพรหมจรรย์ แม่หม้ายแต่งงานใหม่ และนางคณิกา สาวที่เหมาะจะเป็นคู่ขาที่สุดก็คือพรหมจรรย์ที่ยังไม่เคยต้องมือชาย ถัดมาก็เป็นสาวหม้ายแต่งงานใหม่ ส่วนนางคณิกานั้นอยู่อันดับล่างสุด
17. หรือถ้าจะแยกตามลักษณะรูปร่าง ก็อาจจะแบ่งออกเป็นสาวหุ่นเหมือนช้าง สาวหุ่นเหมือนดอกบัวน้อยลอยชูช่อรออรุณ เป็นต้น
18. จริงอยู่ มนุษย์ย่อมปราถนาจะมีเซ็กซ์กับเพศตรงข้าม แต่ไม่ได้หมายความว่าใครก็ได้! ดังนั้นก็เลยต้องมีข้อห้ามเพื่อจัดระเบียบเซ็กซ์กันบ้าง
19. ห้ามเล่นจ้ำจี้กับหญิงที่อยู่สูงกว่า หรือต่ำกว่าเรามากๆ
20. ห้ามเล่นเสียวกับหญิงที่มีสามีแล้ว
21. ห้ามโจ๊ะพรึมพรึมกับหญิงที่โดนสังคมรังเกียจ แม้จะอยู่ในชนชั้นเดียวกันก็เหอะ
22. ส่วนผู้หญิงที่ไม่เหมาะจะร่วมสังวาส ได้แก่ผู้หญิงที่เป็นโรคเรื้อน วิกลจริต ขี้โกง บุคลิกแย่ และปากร้ายขี้เม้าท์
23. ผู้หญิงที่ไม่ควรมีกิจกรรมเข้าจังหวะด้วย ยังรวมถึงผู้หญิงที่ชอบเปิดไฟสว่างๆ ตอนมีเซ็กซ์, ชอบอิดออดเวลาจะมีเซ็กซ์, ผู้หญิงที่เริ่มร่วงโรย และผู้หญิงที่ผิวขาวจนเกินพอดี
24. หญิงใดปราถนาจะมีจู๋เป็นของตัวเองสักอัน นั่นย่อมเป็นหญิงต้องห้ามด้วยประการทั้งปวง
25. และเหนืออื่นใด ห้ามมีกิจกรรมทางเพศกับนักบวช เพื่อนแฟน แฟนเพื่อน และคุณครู โดยเด็ดขาด!
การเล้าโลม
26. การกอด เป็นกิจกรรมที่ช่วยลดระยะห่างระหว่างคู่ขา การกอดมี 2 แบบขึ้นอยู่กับว่าคนทั้งคู่สนิทกันมาก่อนหรือไม่ ถ้าคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ยิ่งกอดเท่าไหร่อารมณ์ก็ยิ่งเยิ้มมากเท่านั้น แต่ถ้าไม่ได้รู้จักกันมาก่อน อย่างน้อยมันก็ทำให้ทั้งคู่เอาตัวมาใกล้กันมากกว่าเก่า
27. การกอดนั้นแบ่งเป็น 4 แบบคือ กอดสัมผัส กอดกระชาก กอดลูบไล้ และกอดแบบขยี้ขยำ แรกๆ อาจจะยืนคุยกัน แล้วเปลี่ยนมาสัมผัสเนื้อตัว ทีนี้พอร่างกายมันมาประชิดกันเข้าก็มักจะเกิดการสปาร์ก อาจจะเริ่มจากการลูบไล้ ขนทั้งร่างกายตั้งชูชัน และนำไปสู่กิจกรรมอื่นที่เร้าใจขึ้นหลายเท่า
28. การจูบ ไม่ว่ามันเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการกอด มันก็ล้วนสร้างความสยิวซ่านให้ทั้งคู่ได้ทั้งนั้น แต่ที่แน่นอนก็คือ หลังจากการจูบ มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีกิจกรรมเข้าจังหวะตามมา
29. จุดสยิวจูบของผู้หญิงมีอยู่ 11 จุด แตะเมื่อไหร่ระทวยเมื่อนั้น ได้แก่ หน้าผาก แก้ม ตา ถัน เม็ดบัว ริมฝีปาก เพดานในช่องปาก กลีบมะเฟือง หน่าว รักแร้ และ ปุ่มสยิว
30. การจูบคือเปลวไฟแห่งราคะโดยไม่ต้องสงสัย แต่ในขณะเดียวกัน การใช้ปลายเล็บจิกหรือครูดเบาๆ ก็เปรียบเหมือนน้ำมันถังใหญ่ที่จะขยายกองไฟให้ลุกลาม แต่ต้องแน่ใจซะก่อนว่า หล่อนพร้อมแล้วสำหรับความหฤหรรษ์ที่จะตามมา
31. การใช้เล็บจะให้ผลคล้ายๆ กับการจูบที่รักแร้ เต้าถัน ลำคอ แผ่นหลัง ต้นขา ขาหนีบ ฯลฯ แต่ต้องระวังอย่าให้มันแรงมากนัก เดี๋ยวจะหมดอารมณ์กลางคันซะดื้อๆ
32. ถ้าจะให้ดี ระหว่างที่ใช้ปลายเล็บครูดไปตามเนื้อตัวของหล่อน คุณควรจะใช้ฟันขบและดูดเบาๆ ไล่ตามไปด้วย เป็นการเติมเชื้อไฟให้ยิ่งโชติช่วง จุดขบดูดที่ดีก็เป็นจุดเดียวกับการจูบ ยกเว้นริมฝีปากบน ลิ้น และเปลือกตา (3 จุดนี้ห้ามเด็ดขาด!) คอ รักแร้ และขาอ่อนคือยุทธศาสตร์สำคัญที่การขบดูดจะให้ประสิทธิผลสูงสุด ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางท่านยืนยันว่า เม็ดบัวคือจุดขบดูดที่เวิร์กที่สุดในโลก
33. ที่สำคัญ อย่าทิ้งรอยแดงไว้บนเรือนร่างของหล่อนเด็ดขาด!
Share on Google Plus
    Blogger Comment
    Facebook Comment